รายงานเชิงวิชาการ หรือเรียกกันว่า รายงาน (Report) เป็นผลการศึกษาหรือค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์เรื่องราวทางวิชาการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยตนเองอย่างมีระเบียบแบบแผน เพื่อประกอบการเรียนรายวิชาต่าง ๆทั้งนี้ อาจมีรูปแบบหรือชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น รายงานการค้นคว้า รายงานวิจัย สารนิพนธ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ ฯลฯ
รายงานเชิงวิชาการ มีโครงสร้างพื้นฐานประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ คือ ส่วนนำ ส่วนเนื้อหา และส่วนท้ายในแต่ละส่วนมีลักษณะดังนี้
1. ส่วนนำ คือ ส่วนที่อยู่ก่อนถึงเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย
1.1 ปกนอก เป็นปกหน้าของเล่มรายงาน อาจใช้กระดาษสีที่มีความหนาพอสมควร สีสุภาพ หน้าปกระบุชื่อรายงาน ชื่อผู้จัดทำ ข้อมูลประกอบการทำรายงาน คณะ สถานศึกษา ภาคการศึกษา และปีการศึกษา
1.2 ใบรองปก อยู่ถัดจากปกนอก เป็นกระดาษเปล่าไม่มีข้อความ 1 แผ่น
1.3 ปกใน อยู่ถัดจากใบรองปก มีรายละเอียดเหมือนปกนอกทุกประการ แต่ใช้กระดาษอ่อน
เช่นเดียวกับกระดาษพิมพ์เนื้อหารายงาน
1.4 คำนำ ถัดจากปกใน มีคำว่า คำนำอยู่ด้านบนกึ่งกลางหน้ากระดาษ ย่อหน้าถัดมาผู้จัดท า
รายงานจะเขียนถึงวัตถุประสงค์ในการท ารายงาน และอาจขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลือในการทำรายงานด้วย และเมื่อจบย่อหน้าแล้ว ลงท้ายระบุชื่อผู้จัดทำไว้มุมขวาล่าง
1.5 สารบัญ อยู่ถัดจากคำนำ มีคำว่า สารบัญอยู่ด้านบนกึ่งกลางหน้ากระดาษ ถัดมาเป็นคำว่า เรื่องและหน้า เนื้อหาของสารบัญคล้ายกับโครงเรื่องของรายงาน โดยเรียงลำดับหัวข้อไว้ทางด้านซ้ายมือของหน้ากระดาษ ตั้งแต่ข้อ 1. บทนำ ลงไปจนถึงข้อสุดท้าย สรุป และบรรณานุกรม หรือภาคผนวก (ถ้ามี) ตามลำดับพร้อมทั้งบอกหน้าเริ่มต้นของแต่ละหัวข้อไว้ทางด้านขวาของแต่ละบรรทัด การระบุเลขหน้าควรทำหลังจากทำส่วนเนื้อหาเสร็จสิ้นแล้ว
2. ส่วนเนื้อหา คือ ส่วนเนื้อเรื่องซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่สุดของรายงาน ประกอบด้วย
2.1 บทนำ บทนำแตกต่างจากคำนำ บทนำเป็นการกล่าวถึงความเป็นมา หรือเหตุจูงใจในการทำรายงานเชิงวิชาการเรื่องนั้นๆ อธิบายเนื้อหาสาระของรายงานก่อนนำเข้าสู่เนื้อเรื่องให้ผู้อ่านทราบคร่าวๆ คล้ายกับการชักจูงใจให้ผู้อ่านที่ยังไม่ทราบเรื่องในแนวนี้มาก่อนได้รับทราบข้อมูลในเบื้องต้น รวมถึงบอกปัญหาหรือขอบเขตในการทำรายงานว่าจะศึกษาเนื้อหากว้างหรือแคบมากน้อยเพียงใด และระบุวิธีการศึกษาค้นคว้าด้วย
2.2 เนื้อเรื่อง เป็นผลการศึกษาของรายงาน เรียบเรียงตามเนื้อหาที่ปรากฏตามหัวข้อในสารบัญเขียนด้วยส านวนภาษาของผู้จัดทำ ไม่คัดลอก ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์โดยเด็ดขาด หากมีการนำข้อมูลมาจากแหล่งอื่นต้องอ้างอิงในเนื้อหาอย่างถูกวิธี นอกจากนี้ ผู้จัดทำยังสามารถแทรกภาพประกอบ ตาราง แผนผัง ได้ตามความเหมาะสม สอดคล้องกับเนื้อเรื่องและต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มา และลำดับภาพหรือตารางให้ชัดเจนด้วย
2.3 บทสรุป เป็นการสรุปผลการศึกษาทั้งหมดจากที่ผู้จัดทำได้ทำรายงานฉบับนี้ เขียนด้วยสำนวนภาษาของผู้จัดทำ บทสรุปต้องสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ตรงประเด็น ไม่ยกตัวอย่างอีก แต่อาจให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
แก่ผู้อ่าน เพื่อให้เป็นแนวทางแก่การค้นคว้าวิจัยต่อไปได้
3. ส่วนท้าย คือ ส่วนที่อยู่ท้ายเล่มรายงาน เป็นการให้ข้อมูลประกอบและรายละเอียดอื่นๆ ประกอบด้วย
3.1 บรรณานุกรม เป็นการนำเสนอแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการทำรายงาน แสดงถึงการให้เกียรติเจ้าของผลงานที่ผู้จัดทำานำมาใช้อ้างอิง สิ่งสำคัญคือ การอ้างอิงในเนื้อหากับบรรณานุกรมจะต้องสอดคล้องกันด้วย
3.2 ภาคผนวก (ถ้ามี) เป็นการให้ข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมแก่ผู้อ่านรายงาน ซึ่งไม่ต้องการให้ปรากฏในส่วนเนื้อเรื่อง จึงนำมาไว้ในส่วนท้ายเป็นภาคผนวก จะมีรายงานหรือไม่ก็ได้ สิ่งที่ปรากฏในภาคผนวก
เช่น ผลสำรวจ แบบสอบถาม สถิติ ภาพประกอบจำนวนมาก คำอธิบายเพิ่มเติม ฯลฯ
3.3 ใบรองปกหลัง อยู่ก่อนปกหลัง เป็นกระดาษเปล่าไม่มีข้อความ 1 แผ่น
3.4 ปกหลัง ใช้กระดาษสีที่มีความหนาพอสมควร สีสุภาพ และต้องมีลักษณะสีหรือรูปแบบ
เหมือนกับปกนอก
Comments